เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 มี.ค.66 ที่วัดสหกรณ์โฆสิตาราม ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พุทธศาสนิกชนจำนวนมากได้เข้าร่วมพิธีอัญเชิญ “หลวงพ่อเสือ” พระประธาน ปางสะดุ้งมาร เนื้อโลหะผสมสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 39 นิ้ว สูง 58 นิ้ว เพื่อมาประดิษฐาน ณ อุโบสถหลังใหม่ ของวัดสหกรณ์ฯ โดยมี นางรำและพุทธศานิกชนร่วมขบวนแห่อย่างเนืองแน่น ซึ่งขบวนแห่ หลวงพ่อเสือ จะเดินรอบอุโบสถหลังเก่าและอุโบสถหลังใหม่ เป็นจำนวน 3 รอบ ก่อนที่จะใช้รถเครนยก หลวงพ่อเสือ มาตั้งไว้หน้าอุโบสถหลังใหม่ จากศิษยานุศิษย์ของวัดสหกรณ์ฯ จะช่วยกันยกองค์หลวงพ่อเสือเข้ามายังอุโบสถ ก่อนนำขึ้นยังแท่นประดิษฐานที่ได้เตรียมไว้ 

โดยช่วงเวลาที่รถเครนได้ยกองค์หลวงพ่อเสือลอยขึ้นบนท้องฟ้า พุทธศาสนิกชนต่างหยุดนิ่งตั้งจิตตั้งใจ อธิฐานต่อภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในชีวิต และจะเป็นภาพจำเพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิตของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทันทีที่รถเครนได้วางหลวงพ่อเสือลงบนพื้นอุโบสถ เสียงปรบมือเสียงตะโกนส่งเสียงดีอกดีใจได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนหนุ่มคนสาว คนเฒ่าคนแก่ ต่างกรูกันเข้ามาเพื่อให้ได้สัมผัสองค์หลวงพ่อเสือ ด้วยหวังให้เกิดสิริมงคลกับชีวิตตนเองและครอบครัว 

กระทั่งเสียงประกาศจากทางวัดได้ดังขึ้น เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องถอยออกไป เพื่อให้คณะศิษยานุศิษย์ได้ทำหน้าที่อัญเชิญองค์หลวงพ่อเสือขึ้นไปยังภายในอุโบสถให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย และเมื่อหลวงพ่อเสือได้เข้าไปในอุโบสถ พุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาในองค์หลวงพ่อเสือ ต่างก็ตามเข้ามาในอุโบสถเพื่อนำเงินที่ได้เตรียมไว้มาวางถวายยังหน้าตักของหลวงพ่อเสือ ด้วยจิตใจที่อิ่มเอิบไปด้วยความสุข 

ทั้งนี้ทางวัดสหกรณ์โฆสิตาราม ได้จัดงานสมโภช หลวงพ่อเสือ ในระหว่างวันที่ 4-6 มี.ค.66

สำหรับประวัติหลวงพ่อเสือ พระครูธรรมธรกีรติ ทีปงฺกโร รองเจ้าอาวาสวัดสหกรณ์โฆสิตาราม ได้เล่าให้ฟังว่า วัดสหกรณ์โฆสิตาราม เริ่มสร้างวัดเมื่อปีพุทธศักราช 2484 พระประธานในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะผสมสัมฤทธิ์ ปางสะดุ้งมาร หน้าตักกว้าง 39 นิ้ว สูง 58 นิ้ว

เดิมพระพุทธรูปองค์นี้อยู่ที่วัดน้อยโพหัก (ปัจจุบันนี้เป็นวัดร้าง) ตำบลโพหัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี มีประวัติการสร้างปลายสมัยสุโขทัย แต่ไม่มีใครทราบแน่นอนว่าสร้างเมื่อใด เพราะวัดร้างมาเป็นเวลานานกว่าร้อยปีตามที่ชาวบ้านได้บอกเล่าต่อกันมา  แม้แต่ชื่อของพระพุทธรูปองค์นี้ก็ยังไม่มีใครรู้จัก พระพุทธรูปองค์นี้ได้นั่งตากแดดตากฝนอยู่เป็นเวลานาน เจ้าอาวาสวัดใหญ่โพหัก จึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่วัด ต่อมาพระครูสังวรสุตาภิวัฒน์ หรือ หลวงพ่อสาย อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองสองห้อง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ได้ไปอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้กับเจ้าอาวาสวัดใหญ่โพหัก มาไว้ที่วัดหนองสองห้อง

เมื่อชาวบ้านสหกรณ์ได้พร้อมใจกันสร้างอุโบสถ (ชั่วคราว) ชาวบ้านสหกรณ์จึงได้ไปขอพระพุทธรูปองค์นี้กับหลวงพ่อสาย มาประดิษฐาน ณ อุโบสถ (ชั่วคราว) เมื่อปีพุทธศักราช 2502   เพื่อให้ชาวบ้านในสหกรณ์และตำบลใกล้เคียงได้สักการะบูชา  ปัจจุบันนี้ชาวบ้านยังมาเคารพกราบไหว้ขอพรในความศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธรูปองค์นี้มิได้ขาดสาย

เดิมพระประธานในอุโบสถองค์นี้ยังไม่มีชื่อ หลวงพ่อสาย วัดหนองสองห้อง ได้ทำพิธีเพ่งจิตอธิฐาน ขณะนั้นมีสามเณรน้อยรูปหนึ่ง ซึ่งอยู่ในมณฑลพิธีนั้นด้วย ได้ร้องขึ้นว่า “นำข้ามาอยู่ที่นี่ นั้นดีแล้ว ข้าได้นั่งตากแดดตากฝนมาเป็นเวลานานนับร้อยปี” หลวงพ่อสาย จึงเอ่ยถามขึ้นว่า องค์หลวงพ่อนั้นชื่อว่าอะไร สามเณรน้อยรูปนั้นจึงตอบขึ้นว่า “ข้าชื่อเสือ” นับจากนั้นมาชาวบ้านสหกรณ์จึงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า หลวงพ่อเสือ มาจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้ ปัจจุบันนี้สามเณรน้อยรูปนั้นยังมีชีวิตอยู่ ชื่อ นายดอกรัก จันทร์ขำ (ซึ่งหลวงพ่อเสือลงประทับทรงในสมัยก่อน)